ยานพาหนะอย่าง “รถยนต์” ปัจจุบันเป็นสิ่งจำเป็นที่หลายบ้านมีใช้งาน แต่ทว่าบางคนเกิดปัญหายางรั่ว ยางแตกขึ้น แต่ไม่รู้จะต้องเลือกวิธีปะอย่างไร แบบไหนที่จะเหมาะสมกับรถของตัวเองมากที่สุด แน่นอนว่าการทำความรู้จักกับวิธีปะยางรถยนต์ถือเป็นเรื่องที่ดีมากเพราะจะช่วยให้เกิดความเหมาะสม พร้อมใช้งานต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่มีปัญหาตามมาภายหลัง
ยางรั่วเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขโดยด่วน เพื่อให้กลับมาใช้งานได้เป็นปกติอีกครั้ง เพราะหากยังคงใช้ต่อไปเรื่อย ๆ จากแผลเล็กน้อยก็อาจจะใหญ่กว้างและเกิดอันตรายขณะใช้งานรถยนต์มากที่สุด กระนั้นต้องได้รับการซ่อมแซมจากผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้โดยตรง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วการปะยางรถยนต์นั้นมีด้วยกันทั้งหมด 3 รูปแบบด้วยกัน คือ การปะยางสตรีมแบบเย็น, การปะยางสตรีมแบบร้อน และการปะยางแบบสอดไส้ ซึ่งแต่ละประเภทจะมีลักษณะการปะที่แตกต่างกันออกไป
1. การปะยางสตรีมแบบเย็น
เริ่มต้นการที่ปัญหายางรั่ว จึงเลือกปะยางสตรีมแบบเย็น ซึ่งวิธีนี้จะมีส่วนช่วยทำให้ยางรถไม่เสียรูปทรง สามารถขับขี่ไปได้ต่อเรื่องแบบละเอียดนุ่มนวล เหมือนไม่เคยมีปัญหามาก่อน เหมาะกับยางที่รั่วไม่เยอะมาก และไม่ใช่รถที่ต้องบรรทุกของหนักมากแต่อย่างใด และด้วยความที่เหมาะกับการบรรทุกของเบา ๆ หากเราเอาไปบรรทุกของหนัก รอยรั่วที่เคยเกิดขึ้นก็มีโอกาสที่จะรั่วซ้ำ หรือแตกขึ้นมาอีกได้ วิธีการทำนั้นจะมีขั้นตอนดังนี้
2. การปะยางสตรีมแบบร้อน
การเลือกปะยางรถยนต์ด้วยวิธีสตรีมแบบร้อนจะทำให้เกิดความทนทานมากขึ้น รอยรั่วซึมเกิดได้ยากมาก เหมาะกับการทำกับรถที่ต้องบรรทุกของหนัก ๆ เป็นประจำ ส่วนใหญ่จะใช้วิธีนี้เมื่อยางเกิดรั่ว แตกที่ต้องการการสมานแผลให้เรียบเนียนมากที่สุด เพื่อใช้งานบรรทุกของได้ต่อไป กระนั้นวิธีนี้ก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้ยางเสียรูปทรงได้ หากช่างฝีมือไม่ถึง หรือร้านที่ไม่ได้ช่างมาตรฐาน เกิดล้อแม็กเป็นรอย ขอบยางขาด หรือยางบวมขึ้นมาได้ วิธีการทำจะคล้ายกับปะยางแบบเย็น คือ
3. การปะยางแบบสอดไส้
ปิดท้ายกันที่การปะยางแบบสอดไส้ ซึ่งถือว่าเป็นวิธีที่ทำได้ง่าย รวดเร็ว และไม่ต้องทอดยางออกจากล้อที่เสี่ยงเกิดรอยได้ ช่วยประหยัดเงินอย่างดี เพราะราคาไม่แพง ซึ่งจะเหมาะกับรถยนต์ที่เกิดยางรั่วอันเนื่องมาจากโดนสกรู ตะปูตำ ยางมีบาดแผลรั่ว หรือนอตตำยาง ซึ่งแผลจะไม่ใหญ่มาก แต่เมื่อปะแล้วอาจหลุดร่อนออกมาได้ แล้วโอกาสที่จะรั่วซึมก็เกิดซ้ำได้โดยเฉพาะใครที่ไปเจอร้านทำไม่ดี และถ้าแผลขนาดใหญ่จะมาเลือกใช้วิธีนี้ไม่ได้เช่นกัน โดยวิธีการทำนั้น
เพิ่มเติมเรื่องของการดูแลยางรถยนต์ให้ด้วยเลย โดยเราควรเติมลมยางให้อยู่ในปริมาณที่พอดี และรู้ว่าหากเกิดการสึกกร่อนของยาง ควรมีการเปลี่ยน อาจจะสลับยางหน้า – หลังในทุก ๆ 10,000 กม. ตั้งศูนย์ถ่วงล้อรถยนต์ให้เหมาะสม เลี่ยงอาการสั่นสะเทือนที่จะทำให้ยางสึกไว และหากต้องเดินทางไปยังถนนที่ขรุขระ หรือมีหินกรวดเยอะ ควรเปลี่ยนมาใช้ยางขนาดที่เหมาะสมด้วย
รถยนต์แต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อล้วนมีการดูแลรักษา รวมถึงซ่อมแซมปัญหายางรั่วที่แตกต่างกันออกไป และเมื่อเราได้เข้าใจถึงวิธีการปะยางที่มีหลากหลายเหล่านี้แล้ว หวังว่าจะช่วยให้เลือกใช้งานเหมาะสมกับรถตัวเองได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และเกิดความปลอดภัยตลอดการเดินทาง ไม่ต้องเสียเงินหลายรอบให้ปวดใจ
ติดตาม Papa Expert ได้ที่
Website - papaexpert.com
Blockdit - blockdit.com/papaexpert
Facebook - facebook.com/daipa.papa
Instagram - instagram.com/daipa_papa/