เรื่องของกลิ่นตัวปฏิเสธไม่ได้เลยว่าต้องใส่ใจแม้กระทั่งอยู่ในช่วงวัยเด็กก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ ที่สำคัญปัจจุบันเด็กบางคนมีกลิ่นตัวเร็วกว่าเด็กวัยเดียวกันเสียอีก ซึ่งเรื่องลูกมีกลิ่นตัวควรค่าต่อการหาวิธีแก้ปัญหาและต้องแก้ให้ถูกต้องด้วย เพื่อผลลัพธ์อันน่าพึงพอใจ ว่าแต่คุณพ่อต้องทำอย่างไรบ้าง วันนี้เรามีวิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้องมาบอกต่อ ขจัดปัญหาอายุน้อยแล้วมีกลิ่นตัว
ปัญหากลิ่นตัวแรงเกิดขึ้นได้กับทุกช่วงวัย ซึ่งปกติแล้วกลิ่นตัวในวัยเด็กมักเกิดเมื่อลูกมีอายุ 10 – 15 ปี อันเนื่องมาจากร่างกาย และฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงไป แต่กระนั้นคุณพ่อบางคนอาจเจอปัญหาลูกอายุเพียง 6 – 9 ปี กลับมีกลิ่นตัวเกิดขึ้นมาดื้อ ๆ โดยสาเหตุของการเกิดกลิ่นตัวในเด็กนั้นมีด้วยกันหลากหลาย
เมื่อเราเข้าใจถึงสาเหตุการเกิดปัญหาลูกมีกลิ่นตัวแล้วย่อมมีวิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้อง ตรงจุดเสมอ โดยวิธีการบอกเลยว่าง่ายมาก ๆ ได้แก่
1. แก้ปัญหาจากภาวะโรคกลิ่นตัว หรือ Trimethylaminuria
สำหรับคุณพ่อที่รู้ว่าลูกมีกลิ่นตัวอันมีสาเหตุมาจากอาการป่วยด้วยภาวะโรคกลิ่นตัว หรือ Trimethylaminuria แนะนำว่าให้เปลี่ยนอาหารการกินใหม่ โดยหลีกเลี่ยงอาหารบางชนิดไปเลยที่มีผลต่อกลิ่นตัว บางคนจำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้แบคทีเรียได้เจริญเติบโตโดยสมบูรณ์ เช่น ยาระบาย เพื่อให้ trimethylamine ในลำไส้มีปริมาณน้อยลง
2. ใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายในเด็ก
ขนาดผู้ใหญ่ที่มีปัญหากลิ่นตัวจำต้องใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย แน่นอนว่าปัญหาลูกมีกลิ่นตัวก็ต้องแก้ไขด้วยสิ่งนี้เช่นกัน แนะนำว่าให้ใช้ที่เป็นสำหรับเด็กไปเลย เพื่อป้องกันเหงื่อไม่ให้ออกมามากลดการเกิดกลิ่นกายขึ้นมาได้ อันเนื่องมาจากเชื้อแบคทีเรียหยุดการเจริญเติบโต
3. อาบน้ำวันละ 2 ครั้ง
เรื่องสุขอนามัยพื้นฐานถือว่าสำคัญและไม่อาจมองข้ามไปได้ แต่บางครั้งคุณพ่ออาจจะละเลยไปบ้างไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตามจำเป็นต้องหันมาใส่ใจอีกครั้ง โดยให้ลูกได้อาบน้ำ สระผมให้สะอาด อย่างน้อย 1 วัน 2 ครั้ง หรืออาจจะอาบทั้งเช้า กลางวัน เย็นได้หมด อย่าลืมฟอกสบู่ ใช้ยาสระผมที่เหมาะสมด้วย
4. ซักผ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อย
นอกจากปัจจัยทางด้านร่างกายแล้ว ปัญหาลูกมีกลิ่นตัวก็เกิดขึ้นได้หากเสื้อหาไม่สะอาด เพราะแบคทีเรียสะสมอยู่เมื่อลูกสวมใส่เกิดเหงื่อออกก็กลายเป็นคนมีกลิ่นตัวไปได้ง่าย ๆ ดังนั้น จึงควรซักผ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อย พร้อมตากในพื้นที่ที่มีแสงแดดจัด หรืออากาศถ่ายเท อย่าให้อับชื้น สำคัญสุดอย่าให้ลูกใส่เสื้อผ้าซ้ำเด็ดขาด
5. เลี่ยงอาหารเกิดกลิ่นตัว และดื่มน้ำมาก ๆ
แน่นอนว่าวิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้องคงหนีไม่พ้นเรื่องการกินที่เราควรเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดกลิ่นตัวแรง ได้แก่ เครื่องเทศที่มีกลิ่นฉุน หอม กระเทียม ถั่ว ฯลฯ โดยที่จะซึมออกมาทางรูขุมขน เหงื่อเลยมีกลิ่น เมื่อเลี่ยงแล้วก็จะช่วยให้กลิ่นที่มาจากอาหารในร่างกายลดน้อยลง หรือไม่เกิดกลิ่นตัวอีกเลย นอกจากนี้ควรดื่มน้ำสะอาดในระหว่างวันให้มาก ๆ อย่างน้อยวันละ 8 – 12 แก้ว เพื่อขับเอาสารพิษ หรือของเสียในร่างกายออกมาทางรูปแบบปัสสาวะนั่นเอง
6. ปรึกษาแพทย์ทางออกที่ดีที่สุด
ท้ายที่สุดแล้วหากคุณพ่อพยายามลองทุกวิธีแก้ปัญหาข้างต้นแต่ก็ยังไม่สามารถขจัดปัญหาลูกมีกลิ่นตัวไปได้เลย แนะนำว่าให้พบแพทย์ผู้มีความชำนาญเป็นทางออกที่ดีที่สุด โดยเฉพาะเด็กที่มีเหงื่อออกมามากกว่าปกติ ซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดปกติในร่างกายอย่างภาวะหลั่งเหงื่อมาก หรือ Hyperhidrosis ได้ ดังนั้น เพื่อเป็นการได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องพาไปพบแพทย์เลยดีกว่า
นอกจากนี้เรายังสามารถแก้ปัญหาลูกมีกลิ่นตัวด้วยการผสมไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ที่มีความเข้มข้น 3% ในน้ำ 1 ถ้วย แล้วเช็ดบริเวณที่เกิดกลิ่น เช่น รักแร้ ขาหนีบ ฯลฯ เป็นการกำจัดเชื้อแบคทีเรียไปในตัว ซึ่งคนเป็นพ่อหรือแม่ก็คงไม่อยากให้ปัญหากลิ่นตัวลูกเกิดขึ้น ยิ่งเกิดขึ้นแม้อายุยังน้อยยิ่งแล้วใหญ่ โดยวิธีการแก้ปัญหาข้างต้นพร้อมช่วยแก้ไขได้อย่างถูกต้อง ไม่ทำให้เกิดปัญหาตามมาภายหลังได้
ทั้งนี้ เมื่อลูกหายจากปัญหากลิ่นตัวก็ควรทำต่อไปอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะ อาบน้ำวันละ 2 ครั้ง ซักเสื้อผ้าให้สะอาด เลี่ยงอาหารที่เกิดกลิ่นตัว ฯลฯ เพื่อป้องกันปัญหากลับคืนมาอีกครั้ง
ติดตาม Papa Expert ได้ที่
Website - papaexpert.com
Blockdit - blockdit.com/papaexpert
Facebook - facebook.com/daipa.papa
Instagram - instagram.com/daipa_papa/