ความชื่นชอบของคนเราไม่เหมือนกัน อย่างการสักก็ถือเป็นอีกสิ่งที่บางคนชื่นชอบ ดูแล้วมีความเป็นศิลปะสวยงามขั้นสุด กระนั้นเมื่อสักมาแล้วสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามไปได้ก็คือวิธีดูแลรอยสักให้ยังคงสวยงาม ไปที่ไหนก็เท่ได้ตลอด แต่จะเป็นวิธีอย่างไรบ้างนั้นเราพร้อมมาเปิดเผยเทคนิคง่าย ๆ ว่าแล้วไปติดตามวิธีการเลยดีกว่า
ดูแลรอยสักยังไงให้สวยอยู่ตลอด ไม่ยากเลย เพียงทำตามวิธีเหล่านี้เท่านั้น
1. ล้างมือบ่อย ๆ
อย่างแรกเลยสำหรับการดูแลรอยสักฉบับมือใหม่ที่ต้องล้างมือบ่อย ๆ แล้วค่อยถอดฟิล์มปิดแผลออก หรือให้ทายาบนรอยสัก เพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้อเวลาเราเอานิ้วไปสัมผัสรอยสักซึ่งเมื่อสักเสร็จใหม่ ๆ ก็ต้องให้ผ้าปิดแผล พรมผ้าด้วยน้ำอุ่นจนชุ่ม อย่าให้กาวติดผิวหนัง พอเปียกได้ที่แล้วก็ลอกออกมาได้เลยง่ายทีเดียว แต่ถ้าแผ่นฟิล์มใสใช้หลักการค่อย ๆ ลอกออกด้วยมือที่ล้างแล้วแบบเบามือก็ช่วยได้เช่นกัน
2. เวลาที่รอยสักเปียกให้เช็ดจนแห้ง
ให้คุณได้ลองพิจารณาดูหากสนใจดูแลรอยสักให้ดีที่สุด ก็ต้องให้นึกภาพรอยสักใหม่ ๆ เหมือนแผลหกล้มใหม่ ๆ ที่ยังบอบบางก็ต้องระวังไม่ให้โดนน้ำ หรือโดนแผล หรือถ้าโดนก็ต้องทำตาวิธีที่ทำความสะอาดเหมาะสม แต่ก็ต้องมีการล้างอย่างอ่อนโยนแล้วให้คุณผึ่งรอยสักนั้นให้แห้งด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ หรือกระดาษชำระเนื้อแน่นนุ่ม ทำแบบเบา ๆ ไม่ถูกไปมา และการใช้ผ้าขนหนูก็จะทำให้เกิดการระคายเคืองที่รอยสักได้ หรือบางทีซับ ๆ อยู่ก็จะมีเศษเส้นใยผ้าเล็ก ๆ เข้าไปติดได้ด้วยเช่นกัน
3. หากต้องโดนน้ำให้โดนแบบเบามือ
วิธีดูแลรอยสักที่ควรให้ความสำคัญมาก ๆ ก็คือการล้างรอยสัก หรือรอยสักที่ถูกน้ำก็ควรถูแบบเบามือ โดยเฉพาะในวันแรก ๆ ที่ยังมีน้ำเหลือง คราบเลือด และสีของรอยสักไหลซึมออกมานอกแผล ดูแลด้วยการล้าง หรือถูกน้ำก็ทำเบา ๆ แนะนำเป็นน้ำอุ่นจะดีกว่า แต่ก็ไม่ต้องไปแช่รอยสักในน้ำ หรือไปเปิดให้น้ำไหลผ่าน ให้เอาเป็นมือวักน้ำมาโดนบนรอยสักแทน พร้อมถูกแบบเบา ๆ ช้า ๆ เอาคราบต่าง ๆ ออก ไม่ทำให้เกิดสะเก็ดแผลด้วย สิ่งต้องห้ามถ้าอยากให้การดูแลรอยสักไม่เกิดปัญหาเลยก็คือไม่ควรใช้สบู่ ใยบวบ ผ้า หรืออุปกรณ์ใด ๆ ก็ตามทำความสะอาดรอยสักเด็ดขาด
4. เป็นไปได้รอยสักใหม่ ๆ ไม่ควรโดนน้ำ
อย่างที่บอกไปก็คือรอยสักนั้นเปรียบเสมือนได้กับแผลสดที่เราต้องรอให้แห้งและตกสะเก็ดดี ๆ ก่อน แล้วถึงจะปล่อยให้โดนน้ำได้ แต่วิธีที่ดีที่สุดคือไม่ให้โดนน้ำ แต่หากโดนน้ำจริง ๆ ก็อย่างที่แนะนำไปคือให้ซับรอยสัก อย่าถูไปมา แล้วเอายามาทาได้เลย ในความเป็นจริงต่อวันควรมีการทำความสะอาดรอยสัก 2 – 3 ครั้ง เป็นการเอาคราบฝุ่นไคลต่าง ๆ ที่เกาะแผลได้ เป็นอีกการดูแลรอยสักที่เหมาะสมมากยิ่งขึ้น
5. เลือกทายารอยสักให้ดีที่สุด
เลือกทายารอยสักได้เลยเป็นอีกวิธีที่เหมาะสมด้วยขี้ผึ้งฆ่าเชื้อที่ไม่ได้ผสมน้ำหอม เมื่อรอยสักแห้งหมด หรือผิวในส่วนที่ลงเข็มสักเริ่มตึง ๆ ก็ต้องระวังให้ดี ด้วยปริมาณเนื้อยาที่ควรทามาก ให้ทาบาง ๆ ให้พอขึ้นเงาเป็นคราบคลุมรอยสัก และถูแบบเบามือเพื่อให้ตัวยาซึมซาบลงผิวไปอย่างเพียงพอ ซึ่งปัจจุบันมียาช่วยทาให้รอยสักหายโดยที่มีวางขายทั่วไปสามารถหาซื้อได้เลยตามสะดวก
6. จัดการความคันให้เติมความชุ่มชื้นกับรอยสัก
ปิดท้ายกันที่วิธีดูแลรอยสักเมื่อมีความตึง ๆ แล้วเริ่มตกสะเก็ดแล้วจะมีอาการที่คันยุบยิบก็อยากที่จะเกาให้สะใจ การดูแลรอยสักที่ควรทำมาก ๆ ก็คือการทายาเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นไปกับรอยสักให้หมั่นทาไปเรื่อย ๆ ก็ได้ การที่แผลรอยสักได้เพิ่มความชุ่มชื้นก็จะไม่ทำให้รอยสักแตก และลดอาการคัน พร้อมทำให้สีสัน ลายเส้นรอยสักดูสดใสสวยงามตลอดไป
อย่างไรก็ดีมีสิ่งที่ไม่ควรทำกับการสักด้วยก็คือในช่วงแรก 3 – 4 สัปดาห์ไม่ควรเปิดเผยรอยสักกับแสงอาทิตย์เพราะจะทำให้สีจางลง ทำให้สีที่สักมีรอยคล้ำขึ้น ส่วนใครชอบเล่นน้ำทะเล หรือลงสระที่มีคลอรีนอย่าพึ่งไปลงเพราะจะทำให้มีผลเสียต่อสีที่อยู่ตรงรอยสักได้ เลี่ยงการออกกำลังกายหลัก ๆ เพราะจะทำให้เกิดรอยแผลตึง และปริแตกได้ ที่สำคัญหากเห็นเป็นสะเก็ดแผลจากรอยสักอย่าไปแกะไปดึง ปล่อยให้หลุดลอกออกไปเองตามธรรมชาติดีที่สุด
ต้องยอมรับว่าการดูแลรอยสักมีความแตกต่างกันออกไป ซึ่งจริง ๆ แล้วหลังจากที่สักเสร็จช่างจะมีการแนะนำวิธีที่เหมาะสมให้เราได้นำไปปรับใช้ พยายามดูแลอย่างดีไม่อย่างนั้นหากต้องมาเติมสีเก็บงานใหม่ก็จะทำให้เจ็บตัวได้อีก หวังว่ารอยสักทุก ๆ คนจะสีสันสดใส ดูเท่ ไปไหนมาไหนก็มีสไตล์เป็นของตัวเอง
ติดตาม Papa Expert ได้ที่
Website - papaexpert.com
Blockdit - blockdit.com/papaexpert
Facebook - facebook.com/daipa.papa
Instagram - instagram.com/daipa_papa/
บทความน่ารู้อื่นๆ คลิกไปอ่านกันเลย
1.ทำความรู้จักกับเทรนด์คนรุ่นใหม่ล่าสุด DINK มีรักแต่ไม่อยากมีลูก